เมนู

วรรคที่ 19


กิเลสชหนกถา



[1771] สกวาที บุคคลละกิเลสที่เป็นอดีต หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. ยังธรรมที่ดับแล้วให้ดับไป ยังธรรมที่ปราศไปแล้วให้
ปราศไป ยังธรรมที่สิ้นไปแล้วให้สิ้นไป ยังธรรมที่อัสดงคตแล้ว ให้
อัสดงคตไป ยังธรรมที่อัสดงคตลับไปแล้ว ให้อัสดงคตลับไป หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลละกิเลสเป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตดับไปแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อดีตดับไปแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลละ
กิเลสที่เป็นอดีต.
ส. ละกิเลสที่เป็นอดีต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อดีตไม่มีอยู่ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อดีตไม่มีอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลละ
กิเลสที่เป็นอดีต.
[1772] ส. บุคคลละกิเลสที่เป็นอนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ยังธรรมที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิด ยังธรรมที่ยังไม่เกิด
พร้อมไม่ให้เกิดพร้อม ยังธรรมที่ยังไม่บังเกิดไม่ให้บังเกิด ยังธรรมที่ยัง
ไม่ปรากฏไม่ให้ปรากฏ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. บุคคลละกิเลสที่เป็นอนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมที่เป็นอนาคตยังไม่เกิด มิใช่ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ธรรมที่เป็นอนาคตยังไม่เกิด ก็ต้องไม่กล่าว
ว่า บุคคลละกิเลสที่เป็นอนาคต.
ส. บุคคลละกิเลสที่เป็นอนาคต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อนาคตไม่มีอยู่ มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า อนาคตไม่มีอยู่ ก็ต้องไม่กล่าวว่า บุคคลละ
กิเลสที่เป็นอนาคต.
[1773] ส. บุคคลละกิเลสที่เป็นปัจจุบัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. บุคคลเป็นผู้กำหนัดแล้วละราคะ เป็นผู้อันโทสะ
ประทุษร้ายแล้วละโทสะ เป็นผู้หลงแล้วละโมหะ เป็นผู้เศร้าหมองแล้ว
ละกิเลส หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ

ส. บุคคลละราคะด้วยราคะ ละโทสะด้วยโทสะ ละโมหะ
ด้วยโมหะ ละกิเลสด้วยกิเลส หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ราคะสัมปยุตด้วยจิต มรรคก็สัมปยุตด้วยจิต หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. เป็นความประชุมกันแห่งผัสสะ 2 ฯลฯ แห่งจิต 2
หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ราคะเป็นอกุศล มรรคเป็นกุศล หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ธรรมเป็นกุศลและธรรมเป็นอกุศล ธรรมมีโทษและ
ธรรมไม่มีโทษ ธรรมเลวและธรรมประณีต ธรรมดำและธรรมขาว อัน
เป็นข้าศึกกัน มาพบกัน หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. ธรรมเป็นกุศลและธรรมเป็นอกุศล ฯลฯ ธรรมดำ
และธรรมขาว อันเป็นข้าศึกกัน มาพบกัน หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ฐานะ 4 ประการนี้ไกลกัน ไกลกันนัก 4 ประการ เป็นไฉน ท้องฟ้ากับ
แผ่นดิน นี้ประการแรกที่ไกลกัน ไกลกันนัก ฯลฯ เพราะฉะนั้น ธรรม
ของสัตบุรุษจึงไกลจากอสัตบุรุษ
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.

ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า ธรรมเป็นกุศลและ
ธรรมเป็นอกุศล ฯลฯ มาพบกัน น่ะสิ.
[1774] ป. ไม่พึงกล่าวว่า บุคคลละกิเลสที่เป็นอดีต ละกิเลสที่
เป็นอนาคต ละกิเลสที่เป็นปัจจุบัน หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. บุคคลที่ละกิเลสได้ ไม่มี หรือ ?
ส. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ป. ถ้าอย่างนั้น บุคคลก็ละกิเลสที่เป็นอดีต ละกิเลสที่
เป็นอนาคต ละกิเลสที่เป็นปัจจุบัน น่ะสิ.
กิเลสชหนกถา จบ

อรรถกถากิเลสัปปชหนกถา



ว่าด้วย การละกิเลส



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องการละกิเลส. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็น
ผิดดุจจลัทธินิกายอุตตราปถกะทั้งหลายบางพวกว่า ชื่อว่าการละกิเลส
ของผู้มีกิเลสอันละได้แล้วมีอยู่ ด้วยว่ากิเลสทั้งหลายที่เป็นอดีตก็ดี เป็น
อนาคตก็ดี และปัจจุบันก็ดี เป็นสภาพที่ต้องละทั้งนั้น เหตุใด เพราะเหตุนั้น
บุคคลจึงต้องละกิเลสที่เป็นอดีตด้วย ที่เป็นอนาคตด้วย ที่เป็นปัจจุบันด้วย
ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า บุคคลละกิเลสแม้ที่เป็นอดีต เป็นต้น
หมายถึงชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือ พึงทราบ
ตามพระบาลีนั่นแหละ.